382 จำนวนผู้เข้าชม |
โมเดลธุรกิจ (Business Model) และแผนธุรกิจ (Business Plan) แตกต่างกันอย่างไร ? และผู้ประกอบการจำเป็นต้องทำทั้งโมเดลธุรกิจและแผนธุรกิจหรือไม่ ?
คำตอบที่ 1 โมเดลธุรกิจและแผนธุรกิจมีความแตกต่างกัน ดังนี้
โมเดลธุรกิจ (Business Model) คือการมองแบบภาพใหญ่ (Big Picture) และมองภาพรวมที่เป็นขอบเขตของธุรกิจให้ออก เชื่อมโยงความสัมพันธ์ในแต่ละเรื่องของขอบเขตธุรกิจให้สัมพันธ์กันอย่างมีเหตุและผล ซึ่งมีประเด็นสำคัญดังนี้
o กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
o คุณค่าของสินค้าและบริการที่ส่งมอบให้ลูกค้า
o ความแตกต่างในตลาด
o ทรัพยากรที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ
o รูปแบบรายได้
โมเดลธุรกิจในปัจจุบันนิยมใช้ แบบจำลองธุรกิจ (Business Model Canvas) ที่คิดค้นโดย Alexander Osterwalder แบบจำลองธุรกิจนี้อยู่บนกระดาษแผ่นเดียวมี 9 ช่องดังนี้
1. กลุ่มลุกค้าเป้าหมาย
2. การเสนอคุณค่า
3. ช่องทาง
4. ความสัมพันธ์กับลุกค้า
5. กระแสรายได้
6. ทรัพยากรหลัก
7. กิจกรรมหลัก
8. พันธมิตรหลัก
9. โครงสร้างต้นทุน
ทั้ง 9 ช่องจะสื่อสารออกมาให้เห็นเป็นภาพใหญ่แบบ Bird’s-eye view มองได้ครบถ้วนทั้งหมดของขอบเขตธุรกิจบนกระดาษแผ่นเดียว ทำให้สะดวกและง่ายดายต่อการดำเนินธุรกิจ สื่อสารภายในองค์กรให้เห็นภาพเดียวกัน จึงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างมาก
ส่วนแผนธุรกิจ (Business Plan) คือการสร้างกระบวนการแจกแจงรายละเอียดการดำเนินธุรกิจในแต่ละปี โดยใช้โมเดลธุรกิจเป็นหลักในการวิเคราะห์แผน ซึ่งมีรายละเอียดคือ
· วิเคราะห์ขนาดของตลาด แนวโน้ม และโอกาสทางธุรกิจ
· การวิเคราะห์ธุรกิจ ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และสภาพการแข่งขัน
· วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค
· ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม ในการดำเนินธุรกิจ
· เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ
· กลยุทธ์การแข่งขัน
· กลยุทธ์ระดับหน้าที่ (แผนดำเนินงาน) ได้แก่ การตลาดและการขาย การผลิต การออกแบบและพัฒนา การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบัญชีและการเงิน ฯลฯ พร้อมทั้งการจัดทำตัวชี้วัดและเป้าหมายของแผนต่าง ๆ
· การจัดทำงบประมาณ
· การประเมินและการควบคุมกลยุทธ์
· การวินิจฉัยองค์กร ในการปรับปรุงแผนธุรกิจ
โมเดลธุรกิจจึงเปรียบเสมือนเป็นการวางโครงสร้าง ให้เห็นความเชื่อมโยงของธุรกิจอย่างมีเหตุและผล ส่วนแผนธุรกิจจึงเปรียบเสมือนเป็นการประกอบส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจ ให้เป็นรูปร่างที่ชัดเจนมีรายละเอียด เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการปรับแผนกลยุทธ์ (แผนดำเนินงาน) ไปตามความเหมาะสม
คำตอบที่ 2 ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทำทั้งโมเดลธุรกิจและแผนธุรกิจ เพราะการเขียนโมเดลธุรกิจขึ้นมาก่อนจะเห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันของขอบเขตธุรกิจ ซึ่งเมื่อดำเนินงานธุรกิจแล้วก็ปรับโมเดลให้ลงตัว โมเดลธุรกิจที่ปรับจนเข้าที่เข้าทางแล้ว จะทำให้การเขียนแผนธุรกิจออกมาดีมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผล ธุรกิจมีความต่อเนื่อง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ จนถึงประทับใจ
“ผู้ประกอบการที่มีโมเดลธุรกิจและแผนธุรกิจที่ดี เหมือนกับมีบ้านที่แข็งแกร่งทนต่อคลื่นเศรษฐกิจที่มีความผันผวนได้มั่นคง”
“ในปัจจุบันความผันผวนทางเศรษฐกิจมีความถี่มากขึ้น ความรุนแรงก็มากขึ้น จะเห็นได้จากราคาพลังงาน เงินเฟ้อ ที่ผันผวนและรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ต้นทุนการผลิตสูง กำไรลดลง ผู้ซื้อรายได้ลดลง การซื้อขายหดตัว ธุรกิจที่มีโมเดลและแผนที่ดี จะสามารถตั้งรับ ปรับตัว เปลี่ยนแปลงเพื่อสู้กับภัยคุกคามได้เป็นอย่างดี เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสได้ จนถึงได้เปรียบในการแข่งขัน”